จุดตัดสินใจเลือก 5 ข้อแตกต่าง ระหว่าง Epson T-Series กับ P-Series
รุ่น 6 สี ที่มาใหม่ หลายๆคนก็อาจจะยังมีข้อสงสัย ว่าแต่ละรุ่นมันเหมาะกับใคร ตัวย่อคืออะไร D E L DL DM และ ข้อแตกต่าง ของ รุ่น P-Series กับ T-Series นั้น แตกต่างกันยังไงบ้าง อะไรคือจุดตัดสินใจเลือก วันนี้ ผมจะอธิบายให้ฟัง
มาเริ่มจากตัวอักษรย่อทั้งหลาย
E > Entry ก็คือ รุ่นเริ่มต้นนั่นเอง
DE > Dual Roll ก็คือ มีที่ใส่กระดาษม้วนคู่ หรือ 2 ม้วนนั่นเอง
D ตัวเดียว ไม่มี E > ไม่ใช่ รุ่น Entry คือมี PS หรือ Adobe PostScript นั่นเอง
DL จะเป็นรุ่นที่ใช้หมึกแบบถุง ความจุถุงละ 1.6 L (ลิตร)
DM ตัว M ก็คือ Multifunction
ขออธิบายคร่าวๆตามนี้ สามารถดูในภาพประกอบได้ เรามาดูเรื่องที่น่าสนใจ และช่วยตัดสินใจเลือกดีกว่า
ถ้าผมอธิบายงง ก็ขอโทดด้วย กด Call หา sale ได้เลยทีมงานเราพร้อมให้คำตอบคุณอย่างเต็มความสามารถ 5555555
มาๆๆๆดูกัน เอ้ งงจัง บางทีราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก มันต้องดูอะไร????
5 ข้อแตกต่าง ระหว่าง Epson T-Series กับ Epson P-Series เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกกก
1.เรื่องของ สีเทา กับ สีแดง
- เครื่องพิมพ์ P-Series จะใช้หมึก เอปสัน UltraChome Pro 6 ที่มาพร้อมหมึกเพิ่มเติม สีเทา เพื่อให้สามารถไล่ระดับสีที่เนียนเรียบ เป็นธรรมชาติมากขึ้น
>> โดยความจุหมึกของ P – Series จะมีตั้งแต่ 350 ml , 700 ml แบบตลับ และ 1,600 ml(หมึกถุง)
- แตกต่างจากเครื่อง T-Series จะใช้หมึกพิมพ์ UltraChome XD3 ที่จะไม่ได้เน้น Gradient การไล่สี เฉดเทา แต่จะเป็น การเน้นสีที่สดมากขึ้น จึงเพิ่มสีแดง เข้ามาแทน นั่นเอง
>>โดยความจุหมึกของ T – Series จะมีตั้งแต่ 110 ml , 350 ml , 700 ml แบบตลับ และ 1,600 ml (หมึกถุง)
2.Cost Per Page
ให้สังเกตุ ที่ต้นทุน การพิมพ์ ภาพที่เป็น ขาวดำ ไม่ใช้สีมาก ต้นทุนอาจจะยังไม่ได้ต่างกันมาก T-Series แพงกว่า ประมาณ 1 บาทต่อแผ่น แต่จุดที่เป็นภาพใช้สีมาก แตกต่างกัน เกือบ 2 เท่า T >> 46.42 บาท ต่อแผ่น แต่ P > 28.71 บาท ต่อแผ่น
ดังนั้น หากงาน เน้นสี และเน้น ภาพ ต้องเลือก P แต่ถ้าเรารู้ว่า เราใช้งาน ที่ไม่เน้น รายละเอียด ให้สังเกตุว่า T-Series มีหมึกจุ 110 ml ด้วย เหตุผลก็เพราะว่า งานของลูกค้ากลุ่มที่ ไม่ได้ใช้สีมาก บางครั้งเน้นแค่สีดำ จึงมีตัวเลือก เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ต่างจาก P ที่ความจุน้อยสุดก็คือ 300 ml
3.Main unit Price & Warranty
สมมุติว่า เทียบที่ หน้ากว้าง 24 นิ้ว ของ P-Series กับ T-Series ในรุ่น Roll เดียว
SC-T3730E จะราคาอยู่ที่ประมาณ 135,000 บาท (Waranty 2 ปี Onsite Service)
SC- P6530E จะราคาอยู่ที่ประมาณ 195,000 บาท (Waranty 1 ปี Onsite Service)
ดังนั้นจากข้อ 3 และข้อ 4 สรุปให้เข้าใจง่ายสุดๆๆๆ คำที่ท่องให้ขึ้นใจ จำง่าย คือ P เครื่องแพง หมึกถูก / T หมึกถูก เครื่องแพง นั่นเอง
4.Standard Driver
P-Series จะไม่มีโหมด Blueprint แต่ T-Series มี ดังนั้น หากลูกค้า จำเป็นต้องใช้ การพิมพ์ Blueprint
ต้อง ไปที่ T-Series
ถัดมาเรื่องของ Adobe RGB ก็คือ P-Series มีมาให้กดเลือกเลย แต่สำหรับ T-Series บางรายที่ต้องการสีที่สวยขึ้นตามใจ ต้องมีการสร้างโปรไฟล์ขึ้นมา เพื่อปรับปรุงคุณภาพของสี แต่ก็แน่นอนว่า จะทำแค่ไหนก็อยู่ที่ข้อจำกัดของเครื่องพิมพ์นะ สีของ T-Series อาจจะสวยขึ้นได้ แต่ก็ไม่มีทางขอบเขตสี ไปได้เท่ากับ P-Series อย่างแน่นอน
ยกตัวอย่าง Epson SC-T3130X มีลูกค้าเจ้านึงที่ทางทีมงาน Epson TH เข้าไปช่วย ก็นำโปรไฟล์ของ P703 ไปช่วยปรับปรุงคุณภาพสี ให้ดูสวยตรงใจมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องก็มี C M Y K 4 สีในการผสม ไม่มีทางที่จะรองรับภาพที่ใช้สีแบบหลากหลายผสมกันได้เหมือน P703 ที่มีถึง 10 สี นั่นเอง
5.Line accuracy ความแม่นยำ ของเส้น
T >> -0.1
P >> ไม่กำหนด
ดังนั้น หากใน TOR มีกำหนด คุณก็ต้องไป T นั่นเอง
สรุป กลุ่มลูกค้า กลุ่มไหน ควรใช้ T-Series กลุ่มไหน เหมาะ กับ P-Series มากกว่า และกลุ่มไหน ต้องคุยก่อน เพื่อเลือกให้ตรงใจ ตรงการใช้งาน ตรงโอกาส