Epson Edge Print หมากที่หายไปของ Epson
Epson Edge Print หมากที่หายไปของ Epson
ในที่สุด Epson ก็เปิดตัว Edge Print ซอร์ฟแวร์ RiP ของ Epson หลังจากที่ใช้ RiP ของชาวบ้าน มานาน ไม่ว่าจะ Onyx Ergo soft Caldera
เอาล่ะ !! มาดูกันหน่อย RiP ในโลกนี้มี Basic RiP และ Advance RiP
Advance RIP เช่น ErgoSoft, Caldera, Onyx PosterShop เข้าข่าย Advance RIP ซึ่งสามารถทำ Media Profile, แก้ค่าสีได้ และท่ายาก อื่นๆอีกมากมาย
Main Top, Wasatch และ Onyx RIPCenter ถือเป็น Basic RiP ซึ่งทำได้ใน Function มาตรฐาน ซึ่งจะบอกต่อไปว่าทำอะไรได้บ้าง
Epson Edge Print อยู่ในกลุ่ม Basic RiP ดังนั้น เขาก็เปิดตัวว่า อย่างคาดหวัง Edge Print ในระดับ Advance
โดยใน Epson Edge Print มีรุ่น Standrad และ Pro ซึ่ง Epson Edge Print Pro สามารถรองรับ Post Script APPE ส่วน Epson Edge Print Standard ทำได้เพียง Post Script data (CPSI)
Transparent Effect โดยเฉพาะ การ Gradiant สีสองสี CPSI อาจเกิดปัญหา สีใดสีหนึ่งหายไป ส่วน APPE จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้
Epson Edge Print Standard ทำงานที่ 8 bits ส่วน Edge Print Pro ทำงานที่ 16 bits หลายครั้ง สร้างการสร้างไล่สี 8 bit งานละเอียด ๆ ก็จะเห็นเป็นคลื่น
เอาล่ะ ว่ากันมาหมดแล้ว เรามา List Feature ให้ดูดีกว่า ว่า Edge Print ทำอะไรได้บ้าง ทาง Epson ก็บอกว่า อย่าคาดหวัง Edge Print ทำงานได้ แบบ Advance RiP เพราะ เค้าก็ราคาถูกกว่า Advance RiP ถึง 3-5 เท่า
Device Link คือการ คร่อม Profile โดยการนำ ICC Profile ของเครื่องพิมพ์ Merge กัน เช่น Offset สีจะตุ่นกว่า Inkjet แต่ต้องการให้เครื่องพิมพ์ เชื่อมกัน และออกงานได้เหมือนกัน ก็จะใช้ Feature Device Link
จากภาพ และอีกหลายๆ Feature ที่ Edge Print ทำไม่ได้นะจ๊ะ
ก่อนจะไปเรื่อง Edge Print ขอขิง ความสามารถหัวพิมพ์หรือเทคโนโลยีเค้าหน่อย มี 3 เรื่อง ที่เค้าโดดเด่น ในศักราชนี้
1.Halftone Module คือ ไล่สีได้เนียน
2.LUT แปลงจาก RGB เป็น CMYK ได้ดี คือกรามุดสีกว้าง ให้ผู้ใช้งาน สามารถสั่งพิมพ์งานที่เป็น RGB ออกมาได้ ซึ่งในอดีต จะต้องแปลงเป็น CMYK แต่ในปัจจุบัน ผู้ใช้แทบไม่ต้องแคร์แล้ว
3.Micro Weave เอาไว้อุ่นอาหาร หยอกๆๆๆ สำหรับ Micro Weave นั้น เพื่อลด Banding หรือรอยระหว่างสี เมื่อเกลี่ยสีเป็นต้น
เกริ่นมาเยอะแล้ว เอาจริงซักทีนะ !!
1.คุมได้หลาย Printer มี Dashboard ในหน้าจอเดียว สั่งไปเครื่องไหนก็ได้ (ก็คล้ายๆ กับ RiP ทุกยี่ห้อ)
2. EMX รู้จักกระดาษแทบทุกตัวของ Epson หลายๆตัว 3M, Avery เป็นต้น คือว่าง่ายๆ ไม่ต้องทำ Profile วัสดุ เค้าทำมาให้แล้ว แต่ขอแสดงความเสียใจ ประโยชน์นี้ไม่เกิด ถ้าใช้กระดาษจีน หรือยี่ห้ออื่นๆ ว่าง่ายๆ Profile กระดาษยี่ห้ออื่นๆ ทำเองจ๊า ไม่มีมาให้เลือก
- อันนี้ก็เหมือน Driver Printer เวลาเราเลือก กระดาษ Epson Glossy , Epson Matt มันก็จะปรับให้จ่ายหมึก ให้ตรงกับกระดาษของเค้าเท่านั้น กระดาษชวบ้านไม่รู้จัก
แต่สำหรับเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ไม่เพียงแค่ปริมาณหมึก แต่รวมถึง ความเร็วในกรพิมพ์ (จ่ายหมึกแล้วหหระดาษรับทันหรือไม่)
และปริมาณความร้อนในการ Fix หมึก เช่น S-Series ใช้หมึก Eco Solvent ต้องใช้ความร้อนในการ Fix หมึก ซึ่งจะรวมถึงการปรับความร้อนให้เหมาะสมด้วย
3.ใช้งานง่าย Epson เคลมว่า เป็น RiP ที่พัฒนามาจาก ไอเดีย Print Drive ทำให้เหมือนใช้ Print Drive ตัว Advance ดีๆ ลดการสั่งงานพลาด ไม่ต้องใช้ความรู้ RiP แบบคนรู้ใจ ใครๆก็ใช้งานได้
ใช้งานง่ายจัดเลย ดึงไฟล์เข้า Job List ด้านซ้าย (ส่วนที่1) แบบ Drag and Drop เลย ลากเมาส์เข้ามา ยกเว้น AI กด Add เข้ามา จากนั้น เอางานมาจัดวางในส่วน Output (ส่วนที่ 2) แล้วไปต่อส่วนที่ 3 เลย คือ ตั้งค่าการพิมพ์ และกดงานออกมาเลย
Tip : การส่งงานเข้า RiP ณ ปี 2023 นี้ ไม่ว่า RiP อะไรก็ตาม แนะนำว่า ให้ลูกค้ากด Save file มาเป็น PDFx1 เป็น PDF 1.7 จะทำงานได้เร็วปรี๊ เหตุผล ขอติดไว้ก่อน เล่าแล้วจะยาว เดี๋ยวไม่ได้ไป Edge Print ต่อ
ดู Preview ก่อนพิมพ์ได้ และสามารถเห็นได้ว่า งานพิมพ์ล้นกระดาษหรือไม่ ถ้ากรอบงานเป็นสีแดง แปลว่า พิมพ์แล้วตกขอบแน่นอน หมึกจะเลอะเครื่องพิมพ์ แต่ถ้ากรอบงานเป็นสีฟ้า แปลว่าอยู่ในขนาดของกระดาษ
RiP Edge Print เปิดโอกาสให้เรา ยึด ลด หด ขยาย ไฟล์งาน กำหนดขนาดได้ จากหน้าจอก่อนพิมพ์นี้ ไม่ต้องไปกำหนดที่โปรแกรมสร้างงานหรือไม่ต้องห่วงหน้า โปรแกรมสร้างงานส่งมา ขนาดเพี้ยน
อีกหมัดเด็ด ที่ทำได้ทั้ง 2 รุ่น ทั้ง Standrad และ Pro ก็คือ เปลี่ยน Profile แล้ว Preview ภาาพใหม่ให้ทันที บนหน้าจอ (Edge Print ใส่ Profile สี ได้ทั้ง Input และ Output นะจ๊ะ)
การ Preview นี้คงไม่สามารถยืนยันได้ว่า ภาพที่พิมพ์ จะออกมาเหมือนหน้าจอ เพราะ Profile หน้าจอ สีสัน ก็ไม่เท่ากับเครื่องพิมพ์อยู่แล้ว ยกเว้นมีการ Calibrate หน้าจอ และทำ Profile link device กัน
Preview zoom in / out ได้ 400% แต่ไม่ใช่ขยายขนาดพิมพ์นะ การขยายภาพสามารถทำได้ 2000% Edge Print Pro เวลา Preview ขยายหนักๆ ก็จะเป็น Quick ก่อน แล้วค่อย Render High Quality ส่วน Edge Print Standard เวลา Preview จะเป็น High Quality ตลอด ไม่ทำ Quick ให้ ดังนั้น เจองานใหญ่ยักษ์ APP ก็มีโอกาส Quit หรือค้างได้
สำหรับ license สามารถ Add ได้ 4 Printer แต่จะสั่งงานได้แค่ 1 เครื่องเท่านั้นในเวลาใดเวลาหนึ่ง / 1 License (แต่ Admin test สามารถออกงานได้หลายเครื่องพร้อมกัน แนะนำอัด RAM ไปเยอะๆ – Require 8 GB, แนะนำ 16 GB หรือใส่ไปเลย 32GB/64GB )
License นึงฝังที่ Computer ดังนั้น หาก Com เจ๋ง เท่ากับ 4 Printer ออกงานไม่ได้ ย้าย License สามารถทำ Unregister License แล้วค่อยไป Register เครื่องอื่น
หน้าจอก่อนพิมพ์ สามารถกดเลือกประเภท Media, ความละเอียด ขนาดกระดาษ ได้เหมือน Print Driver ทั่วไป แต่มีรายละเอียดให้ดู Pro กว่ามาก
และแน่นอน Feature Classic RiP ทุกยี่ห้อ ก๊อปปี้ ครอป ยืด ลด หด ขยาย จัดหน้า หมุน แต่อย่าลืมนะ ขยาย ลด หด ก็จะเสีย Resolution คำแนะนำคือ ทำไฟล์ดีๆ มาเป๊ะๆ ส่งเข้า RiP ดีกว่านะจ้ะ
ปล. สำหรับ F Series (เครื่องพิมพ์ภาพสำหรับรีดลงผ้า) Edge Print จะ Auto Mirror กลับซ้ายขวาให้เลย ไม่ต้องมานั่งกดทุกครั้ง กันลืม
จัดเรียง ระยะเว้น ระหว่างภาพ กำหนดได้หมด
และแน่นอน Edge Print ก็รองรับเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ที่ออกแบบ Bill Board
ใหญ่กว่าหน้ากว้างของ Printer Edge Print สามารถช่วยแบ่งงานพิมพ์เป็นชิ้นๆ หรือพิมพ์เหลื่อมให้ซ้อนภาพทับกันได้ โดยไม่เกิดรอยต่อ และขนาดของแต่ละชิ้นงาน ก็กำหนดได้ Edge Print ก็จะเรียงการพิมพ์ให้ Feture นี้ก็กำหนด Parameter ได้ครบครัน
ในส่วน Color Management ก็สามารถกำหนด Profile Input/Output ได้
ผู้ออกแบบใช้ Profile อะไรมา มองเห็นหน้าจอเป็นอย่างไร และอยากให้ออกงานบนเครื่องพิมพ์ด้วย Profile อะไร